วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2550

อาจารย์ปริญญาบันทึกพระคัมภีร์ “จิตจักรวาล” เอาไว้ทำไม?



¥ คัมภีร์จิตจักรวาล ในรูปของหนังสือชุดจิตจักรวาล ซีรี่ส์ ทุกเล่ม เป็นหนังสือประเภทนิวเอ็จ แนวอภิปรัชญา (META PHYSICS) ซึ่งเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่อยู่นอกเหนือกรอบความรู้ของวิชาฟิสิกส์ (Physics) ของมนุษย์ปัจจุบัน และยังเป็นแก่นความรู้ของศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ ศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรม และศาสตร์ด้านปรัชญาอีกด้วย
คัมภีร์จิตจักรวาล ทุกๆซีรี่ส์ เป็นหนังสือที่อธิบายความจริงทุกสิ่งอย่างของมนุษย์ ทั้งในมิติทางกายภาพ คือ กายสังขาร และในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้ คือ มิติแห่งจิตใจและจิตวิญญาณ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับเพื่อนมนุษย์ ดาวเคราะห์โลกของตนเอง ทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ในระบบเดียวกัน และทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ในเอกภพอันไพศาลนี้ อันเป็นสรรพความรู้ใหม่ด้านโลกียธรรมซึ่งเป็นสัจธรรมระดับโลกทางกายภาพ และความรู้ใหม่ด้านโลกุตรธรรมซึ่งเป็นสัจธรรมระดับเหนือโลกขึ้นไปอีก นั่นคือ สัจธรรมในด้านของจิตและจิตวิญญาณอันเป็นมิติทางพลังงานนั่นเอง ทั้งนี้เพื่อให้มนุษย์รู้จักคิดตั้งคำถามและค้นหาคำตอบกันให้ได้ว่า
Œ ตนเองเป็นใคร
 มาจากไหน
Ž มาเกิดเป็นมนุษย์โลกกันทำไม
 ตนมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง
 เป็นมนุษย์ให้เป็นต้องปฏิบัติตนเช่นไร
‘ เป้าหมายสูงสุดของการเป็นมนุษย์คืออะไร
ด้วยเหตุนี้เอง คัมภีร์จิตจักรวาล ซึ่งเป็นหนังสือชุดจิตจักรวาลซีรี่ส์ทุกๆเล่ม จึงมิใช่หนังสือสอนศาสนาใดศาสนาหนึ่งอย่างจำเพาะเจาะจง มิใช่หนังสือที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของศาสนาหรือว่าลัทธิใดๆ มิได้เป็นหนังสือที่มีแนวคิดในการสร้างศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่แต่อย่างใด และมิได้เป็นหนังสือที่มีเจตนาจะจาบจ้วงล่วงเกินลัทธิใด ศาสนาใด แม้ว่าถ้อยความบางตอนอาจใช้ศัพท์หรือถ้อยคำที่มีปรากฏอยู่ในคำสอนของบางศาสนาปนอยู่บ้าง แต่ที่เลือกนำมาใช้เพราะเป็นคำสากลในภาษาไทยที่ใช้แล้วสื่อความหมายให้เข้าใจตรงกันได้มานมนาน
อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ใช้กระบวนการถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล ในระบบจิตสู่จิตด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า Vertical Telepathy เพื่อนำเอาผลึกแห่งการคิดรู้ทั้งหมดที่ได้รับมาบันทึกไว้เป็นตัวอักษรแทนการพูด โดยผลึกแห่งการคิดรู้ ที่องค์จิตจักรวาลทรงประทานถ่ายทอดมาให้บันทึกไว้เป็นคัมภีร์เพื่อมวลมนุษย์โลกยุคพลังงานใหม่นั้น มีเป้าหมายสำคัญรวม 6 ประการ คือ
 ประกาศสัจธรรมทั้งระดับโลกียธรรมและโลกุตรธรรมที่มนุษย์ทุกคนต้องรู้
‚ ให้ความรู้ใหม่ที่มนุษย์กำลังใฝ่รู้แต่ยังไม่รู้
ƒ ให้ความรู้ใหม่ที่ถูกต้องถ่องแท้แก่มนุษย์ ที่กำลังรู้ผิด หลงผิด และคิดเข้าใจผิดๆอยู่ได้แก้ไข
„ ให้ความรู้ใหม่ๆที่มนุษย์ยังไม่รู้ว่าตนจะต้องรู้
… แจ้งข่าวสารการชำระโลกที่เลวร้าย ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ ให้ชนทุกชาติทุกศาสนาได้ล่วงรู้
† เพื่อใช้เป็นคัมภีร์หลักในการดำเนินชีวิตสำหรับมนุษย์โลกยุคพลังงานใหม่ หลังการชำระโลกสิ้นสุดลง
ดังนั้น ถ้าผู้ใดได้อ่านคัมภีร์จิตจักรวาล ซีรี่ส์ใดก็ตาม หรือได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังการสื่อสัญญาณสดเพื่อการถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลเป็นพระโอวาท โดยอาจารย์ปริญญา ตันสกุล แล้วพบเจอหรือได้สดับกับคำว่า
] “พระบิดา”
] “พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ”
] “พระผู้เป็นเจ้า”
] “พระผู้สร้าง”
มนุษย์ก็จงอย่าเพิ่งสรุปเหมาเดาว่า คัมภีร์จิตจักรวาลดังกล่าวนั้น หรือการที่อาจารย์ปริญญากล่าวพระโอวาทขององค์จิตจักรวาลนั้น เป็นการประกาศคำสอนของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เป็นการแอบอ้างศาสนาอื่นๆเพื่อสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่ หรือเป็นการบ่อนทำลายศาสนาหนึ่งศาสนาใดด้วยความไม่ใสพิสุทธิ์โดยเด็ดขาด
มนุษย์จักต้องรู้ว่า ไม่ว่าข้อความใดและความรู้ใดก็ตาม หากเป็นสัจธรรมในระดับโลกียธรรมอันเป็นธรรมะในมิติทางกายภาพ และสัจธรรมในระดับโลกุตรธรรมอันเป็นธรรมะในมิติทางพลังงานด้านจิตวิญญาณแล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะกล่าว กล่าวไว้ที่ไหน และกล่าวเมื่อใดก็ตาม มันจะต้องสอดคล้องตรงกันเสมอจึงจะยืนยันได้ว่าถ้อยความหรือบทความนั้นถูกต้องถ่องแท้ และสามารถเรียกว่า สัจธรรม ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
การกล่าวสัจธรรมนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กล่าว กล่าวเอาไว้ที่ไหน กล่าวไว้ตั้งแต่เมื่อใด ใครกล่าวก่อนกล่าวหลัง ถ้อยความที่กล่าวย่อมเหมือนกันตรงกันเสมอ จะยึดเอาว่าใครเป็นเจ้าของเพราะเป็นผู้กล่าวเอาไว้ก่อน และใครกล่าวทีหลังเป็นผู้ลอกเลียนแบบแอบอ้างคงมิได้ เพราะความหมายของสัจธรรมมันมีนัยบ่งชี้อยู่ในตนเองแล้วว่า

6 ความคิดเห็น:

jacky กล่าวว่า...

ผมเห็นหนังสือของอาจารย์ กองอญุ่ในหนังสือลดราคา
ซึ่งไม่มีใครสนใจ ผมจึงหยิบมาดู ปรากฏว่า เป็นเรื่องที่ส ดยอดมากๆ .... ทุกสิ่งล้วนเกิดจากพลังงาน
แม้แต่ ร่างกายของเรา..............ผมจึงไม่ลังเลที่จะซื้อหนังสือของอาจารย์ ทุกเล่มที่มีในวันนั้น........... และผมรู้อีกอย่างนึงจากอาจารย์ก็คือ ..... พลังงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งชั่วร้าย ได้ ก็คือ คลื่นพลังงานที่มาจากความรักที่บริสุทธิ์ นั่นเอง.........ความคิด หรือ จิตก็คือพลังงาน ในรูปแบบนึง ที่สามารถส่งผ่านให้สิ่งมีชีวต ต่างๆ ได้...
ขอบคุณ อาจารย์ครับ....และสำหรับท่านที่ยังไม่เข้าใจ อาจจะยังไม่ถึงเวลาของเขา..... แล้ววันนึงเขาก็จะรู้เอง

jacky กล่าวว่า...

แปลกใจบ้างไหม ว่าทำไม อาหารที่เรากินทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้เนื้อสัตว์ น้ำ อากาศ และอื่นๆ มันสามารถ เข้าไปรวมอยู่ในตัวเราได้อย่างไร.....
คำตอบคือ..... ทุกสรพพสิ่งสิ่งล้วนเกิดจากพลังงาน มันจึงสามารถรวมกันได้

แล้วฉนั้นตัวของเราล่ะ จะสามารถหลอมรวมเข้ากับพลังงานทั้งหมดที่ห่อหุ้มรอบล้อมตัวเราได้หรือไม่ และด้วยวิธีใด...... .. คำตอบคือ.......
...... ด้วย จิต ที่มีความละเอียด .... ที่เล็กที่สุด และที่ที่ความเร็วยิ่งกว่าแสง .... จึงจะสามารถหยุดเวลา ลงตามทฤษฏีของ ไอสไตส์.... แล้วเมื่อนั้น เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง........

กระผมคนรถไฟ กล่าวว่า...

ดีครับแต่ผมจะหาหนังสือมาอ่านได้จากที่ไหนบ้างล่ะ วันนี้เพิ่งจะเปิดเจอเว็บนี้ ตอนนี้สมัครเป็นสมาชิกแล้วครับ
geww

ดช.ไข่หมึก กล่าวว่า...

ทุกอย่างที่ อ.ปริญญากล่าวมา มันมีคำอธิบายอยู่ในหลักของพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว.
หนังสือและบทความทั้งหลาย เป็นแค่ "กระพี้" สำหรับผู้ที่ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เสียดายที่พระสงฆ์สมัยนี้ ไม่สามารถนำคำสอนที่แท้จริงในพระไตรปิฎกมาสอนมาเผยแพร่กัน (มีอยู่บ้าง แต่น้อยเต็มทน)

รัชพล กล่าวว่า...

ความรู้ทุกองค์ความรู้ในคำสอนของพระศาสดาที่มนุษย์เคยรู้หรือยังไม่รู้หรือรู้ผิดตีความผิด ปัจจุบันความรู้ที่มีอยู่เหล่านี้อาจารย์ ปริญญา ได้นำความรู้ที่ถูกต้องมาช่วยไขความกระจ่างให้สำหรับความรู้ที่มีการตีความผิดพลาดและมาช่วยเติมเต็มในส่วนขาดหายหรือสิ่งที่สามารถอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ให้มนุษย์ในยุคนี้ได้เข้าใจความจริง และความรู้ที่เป็นจริงเหล่านี้ไม่ได้ขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาใดๆ แต่ยิ่งทำให้เราเข้าใจความจริงว่าทุกศาสนานั้นมีเหตุผลในคำสอนและมีความสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่น ทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่กล่าวถึงการมีอยู่ของพระเจ้าตรงๆแต่ทรงใช้วิธีแสดงด้วยปริศนาธรรมเอาไว้ และทำไมศาสนาคริสต์และอิสลามจึงกล่าวอ้างถึงพระเจ้า ทุกอย่างที่อาจารย์ได้ให้คำตอบไว้จนยากจะปฏิเสธ พร้อมด้วยความรู้ใหม่อีกมากมายที่มีเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้หาได้ยากยิ่งหรือหาที่อื่นที่ให้ความกระจ่างได้เท่านี้ไม่มีอีกแล้ว ณ เวลานี้ ผมเองได้รู้จักอาจารย์ในปี 2555 และศึกษาหนังสือของอาจารย์มาแล้วเกินสิบเล่ม ที้งที่ปัจจุบันนี้มีเกินร้อยเล่มทุกเล่มื่ได้อ่านมันมีตุณค่ามหาศาลถ้าใครได้ลองอ่านและพิสูจน์ด้วยตเองคุณถึงจะเข้าใจ ตอนนี้ที่บ้านผมมีหนังสือของอาจารย์เกินกว่ายี่สิบเล่มและทุกเล่มยิ่งอ่านยิ่งเกิดปัญญาและรับรองว่าคุณจะวางไม่ลง..ผมต้องขอขอบคุณอาจารย์จริงๆจากใจ และขอบคุณทุกเหตุปัจจัยที่ทำให้ผมได้มาเจอกับอาจารย์ได้ทันในชาตินี้ และผมหวังว่าทุกๆคนจะโชคดีเหมือนผม...ขอบคุณมากครับ��

Unknown กล่าวว่า...

ขอขอบคุณความรู้ทางปัญญา ณ.บัดนี้เราจะปรับแก้พลังงานลบ ปรับให้เกิดพลังงานสมดุล ขอบคุณครับ
เมตตาธรรมค้ำจุน ขอบพระคุณอย่างสูง